4/8/61

หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระเกจิ ๔ แผ่นดิน



หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระเกจิ 6 แผ่นดิน
ข้าพเจ้าศรัทธาบารมีหลวงปู่ถ้า อนาลโย ผู้ซึ่งมีความเคารพและศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะเผยแพร่บารมีหลวงปู่ท่านให้ขจรไกล อันชื่อเสียงแห่งวงการพระเครื่องเมืองไทย ไม่แพ้ชาวต่างชาติที่นิยมชมชอบและศรัทธาบารมีแห่งท่านหลวงปู่  ในที่นี้ขอน้อมนำประวัติของหลวงปู่ถ้า อนาลโย ให้ทุกท่านได้รู้จักครับ
ประวัติโดยย่อ หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระเกจิ 6 แผ่นดิน เกิดปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๗ ที่บ้านงิ้ว อำเภอคำชะอี (อำเภอหนองสูง ในปัจจุบัน) จังหวัดมุกดาหาร อุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปี ในปีพ.ศ.๒๔๗๘ เคยจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ เป็นเวลา ๑๕ พรรษา ด้วยภารกิจทางครอบครัว ที่หลวงปู่ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตนเอง จึงได้ ลาสิขาบท เมื่อสะสางปัญหาต่างๆแล้วเสร็จ ด้วยใจที่ไฝ่การบรรพชา อุปสมบท ถือศีลบำเพ็ญเพียรในการเจริญกรรมฐานจึงเข้าสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน ให้เข้าถึงธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเข้าอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ จำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ และวัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึงปัจจุบัน หลังจากอุปสมบทหลวงปู่ถ้าฯได้ออกธุดงค์ ปลีกวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ ธุดงค์ลัดเลาะตามป่าเขาลำเนาไพรทั้งในเขตประเทศไทย และข้ามฝั่งเข้าสู่ดินแดนปราสาทขอมประเทศเขมร ได้ไปพบกับพระอาจารย์ไพร ผู้มีวิชาแก่กล้า ปราชญ์เปรื่องเลื่องลือในด้านวิชาอาคม มนต์ดำ มหาเสน่ห์ และการทำเครื่องรางของขลัง จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ไพรได้ถ่ายทอดวิชาอาคมสายต่างๆให้โดยมิได้ปิดบังใดๆ หลวงปู่ฯอยู่ร่ำเรียนวิชาด้วยเป็นระยะเวลา ๓ ปี เมื่อหลวงปู่ถ้าฯเห็นว่าการร่ำเรียนวิชาอาคมตำหรับเขมรสำเร็จลุล่วง จึงกราบลาพระอาจารย์ไพร ผู้เป็นอาจารย์ หลวงปู่ถ้าฯ เดินธุดงค์ออกจากประเทศเขมรมุ่งหน้าสู่บ้านเกิด เพื่อนำวิชาอาคมที่ได้เล่าเรียนมาจากครูบาอาจารย์ มาช่วยเหลือญาติโยม ในการทำมาค้าขาย ทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ หลวงปู่ถ้า อนาลโย กลับมาจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ (หลวงปู่เคยออกธุดงค์ร่วมกับสหธรรมิกศิษย์ผู้พี่ หลวงปู่เทศ เทศรังสี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)ไปหลายสถานที่ทั้งในประเทศไทย ลาว เขมร และประเทศพม่า การเดินธุดงค์สมัยนั้นต้องเดินลัดเลาะไปตามป่าเขาลำเนาไพร มีแต่ช้าง เสือ อสรพิษที่ดุร้ายและสิ่งลี้ลับ ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายมาได้ด้วย การปฎิบัติภาวนาสมาธิ การเจริญกรรมฐาน เมตตา แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยธรรมะ ครั้งหนึ่งคณะลูกศิษย์ ที่กรุงเทพมหานคร ทราบถึงความเก่งกล้าด้านวิชาอาคม ของหลวงปู่ฯจึงขออนุญาตสร้างเครื่องราง หนูดูดนมแมว พุทธคุณด้านเมตตามหานิยม มวลสารต่างๆที่นำมาสร้าง ประกอบไปด้วย รกแมวดำ ๙ ตัว น้ำตาปลาพะยูน ว่านดอกทอง ผงไม้รัก ไม้ขนุน ว่านนางอกแตก นำมาผสมกันเติมผงสวาทเรื่อยๆจนน้ำมันเดือดแล้วค่อยยกลง นำมากดพิมพ์ด้วยมือขึ้นรูปนำลงใส่ในไหฝังดิน พันด้วยด้ายสายสินธุ์โยงขึ้นมาให้หลวงปู่เสกเป็นเวลานานกว่า ๑ ปี จนแมวกับหนูตัวเป็นๆวิ่งมานอนเกลือกกลิ้งเล่นกัน ตรงพื้นดินบริเวณที่ฝังไหเครื่องราง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่เห็นว่าเครื่องรางมีพุทธคุณเข้มขลัง จึงบอกให้ลูกศิษย์ขุดขึ้นมาใช้ เป็นที่ต้องการของพ่อค้า แม่ค้า มีไว้ติดตัวทำมาค้าขายดี คนทำงานก็เช่นกันมีไว้ติดตัวนายเมตตา เพื่อนร่วมงานที่เคยกลั่นแกล้งต่างก็มาเป็นมิตร แม้แต่คนจีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย ฮ่องกง ต่างก็แสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครอง เพราะมีหนูดูดนมแมวไว้ติดตัวอธิษฐานอะไรก็สำเร็จ จนเป็นที่โด่งดัง เครื่องรางหนูดูดนมแมวทำให้ผู้ที่นิยมเครื่องราง ที่มีพุทคุณแรงๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างก็รู้จัก หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระกรรมฐานสายป่าเจ้าตำหรับวิชาเขมร  (จากประวัติโดยย่อนี้ หากข้อมูลของหลวงปู่คลาดเคลื่อน ขาดตก บกพร่อง เพราะผู้เขียน ได้รับคำบอกเล่าจากหลายท่าน ประวัติหลวงปู่ถ้า อนาลโย ซึ่งเรียบเรียงโดยย่ออาจยังไม่สมบูรณ์ ผู้เรียบเรียงต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น